ปลากัด
ปลากัดเป็นปลาพื้นเมืองของไทยที่นิยมเลี้ยงเป็นเวลาหลายร้อยปีมาเเล้วทั้งนี้เพื่อไว้ดูเล่นเเละเพื่อกีฬากัดปลาเป็นที่รู้จักกันดีในต่างประเทศ เช่นกัน ปัจจุบันประเทศไทยมีการเพาะเลี้ยงปลากัดกันอย่างเเพร่หลาย เนื่องจากเป็นปลาที่เพาะเลี้ยงได้ง่าย ปีหนึ่งๆ ประเทสไทยได้ส่งปลากัดไปขายในต่างประเทศคิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาทปลากัดพันธุ์ดังเดิมในธรรมชาติ มีสีน้ำตาลขุ่นหรือเทาเเถบเขียว ครีบเเละหางสั้น ปลาเพศผู้มีครีบ เเละการคัดพันธุ์ติดต่อกันมานานทำให้ได้ปลากัดที่มีสีสวยงามหลายสี อีกทั้งลักษณะครีบก็เเผ่นกว้างใหญ่สวยงามกว่าพันธุ์ดั้งเดิมมาก เเละจากสาเหตุนี้ก็ได้มีการจำเเนกพันธุ์ปลากัดออกไปได้เป็นหลายชนิด เช่น ปลากัดหม้อ ปลากัดทุ่ง ปลากัดจีน ปลากัดเขมร เป็นต้น การเเพร่กระจายของปลากัดพบทั่วไปทุกภาคของประเทศไทย อาศัยอยู่ในอ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ หนอง บึง เเอ่งน้ำ ลำคลอง เป็นต้น
ในการเลี้ยงปลากัด เพื่อการต่อสู้ มีกาืรคัดเลือกพันธุ์ให้มีคุณสมบัติเฉพาะที่สามารถใช้ในการต่อสู้ โดยเริ่มต้นจากการรวบรวมปลาจากเเหล่งน้ำธรรมชาติ เรียกกันว่า "ปลากัดป่าหรือปลากัดทุ่ง"โดยมีลำตัวค่อนข้างเล็กบอกบางสีน้ำตาลขุ่นหรือสีเทาเเถบเขียว จนได้ปลาที่มีรูปร่างเเข็งเเรง สีสีนสวยงาม เช่น สีเเดงเข้ม สีน้ำตาลเข้ม สีน้ำเงินเ้ข้ม หรือสีผสมระหว่าง ต่อมาได้มีผู้ที่พยายามคัดเลือกพันธ์โดยเน้นความสวยงามฃ
การเลี้ยงพ่อเเม่พันธุ์ปลา
เนื่องจากปลากัดชอบมีนิสัยก้าวร้าว ชอบต่อสู้ เมื่อมีอายุประมาณ 11/2-2 เดือน การเลื้ยงปลากัดจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรีบเเยกปลากัดเลี้ยงในภาชนะเพียง 1 ตัวก่อนที่จะมีปลาที่มีพฤติกรรมต่อสู้กันในภาชนะที่เหมาะสมที่สุดควร การเเยกเพศจะสังเกตเห็นว่าปลาเพศผู้จะมีตัวสีเข้ม ครีบยาว ลายบนลำตัวมองเห็นชัดเจนเเละขนาดมักจะโตกว่าเพศเมีย ส่วนปลาเพศเมียจะมีสีซีดจาง เเละมัักจะมีขนาดเล็กกว่าเพศผู้
อาหารที่ใช้เลี้ยงปลา
ปลากัดเป็นปลาที่ชอบกินสัตว์น้ำขนาดเล็กที่มีชีวิต เป็นอาหารสำหรับลูกปลาออ่นนิยมที่จะไรกรองสำหรับอาหารที่ใช้เลี้ยงพ่อเเม่พันธุ์ปลากัด เช่นลูกน้ำ หนอนเเดง ไรมีน้ำตาล เป็นต้น
การคัดเลือกพ่อเเม่พันธุ์
ระยะเวลาที่เหมาะสมในการผสมพันธุ์ปลากัด คือ ช่วงระยะเดือน พฤษภาคม-กันยายน ปัจจุบันสามารถผสมพันธุ์ได้ตลอด โดยอุณหภูมิน้ำ ควรอยู่ระหว่าง 26-28 องศาเซลเซียสควรมีอายุตั้งเเต่ 5-6 เดือนขึ้นไป โดยปลาจะสังเกตเห็นความสมบูรณ์เพศของปลาได้อย่างชัดเจนในการคัดควรมีหลักที่ควรปฏิบัติต่อไปนี้
- ปลาเพศผู้ คัดปลาที่เเข็งเเรง ปราดเปรียว ลักษณะสีสวยชอบสร้างรังเรียกว่า"หวอด" โดยการพ่นฟองอากาศที่มีน้ำเมือกจากปากเเละลำคอผสมด้วย ซึ่งเเสดงให้เห็นว่าเพศผู้มีความสมบูรณ์
- ปลาเพศผู้ คัดปลาที่เเข็งเเรง ปราดเปรียว ลักษณะสีสวยชอบสร้างรังเรียกว่า"หวอด" โดยการพ่นฟองอากาศที่มีน้ำเมือกจากปากเเละลำคอผสมด้วย ซึ่งเเสดงให้เห็นว่าเพศผู้มีความสมบูรณ์
- ปลาเพศเมีย คัดเลือกปลาที่เเข็งเเรง สังเกตบริเวณท้องมีลักษณะอูมเป่งเเละบริเวณใต้ท้องจะมีตุ่มสีขาวเห็นได้ชัด ซึ่งตุ่มสีขาวเรียกว่า"ไข่น้ำ"
วิธีการเพาะพันธุ์
1.นำขวดปลาเพศเเละเพศเมียที่มีความสมบูรณ์ทางเพศเต็มที่มาว่างติดต่อกัน ซึ่งควรจะมีที่ปราศจากสิ่งรบกวนเพราะจะทำให้ปลาตกใจ ใช้เวลาเทียบคู่ประมาณ 3-10 วัน
2.จากนั้นก็น้ำปลาที่เตรียมไว้มาใส่ภาชนะที่ผสมพันธุ์เเละนำพัธุ์ไม้ที่เตรียมไว้มาใส่
3.เมื่อปลาปรับตัวกับภาชนะได้เเล้วปลาเพศผู้ก็เริ่มก่อหวอดติดกับพันธุ์ไม้
4.หลังจากสร้างหวอดเสร็จเเล้ว ปลาเพศผู้ก็จะไล่ต้อนปลาเพศเมียให้ไปอยู่ใต้หวอด
5.ขณะที่ตัวเมียลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ ปลาตัวผู้จะรัดตัวเมียบริเวณช่องอวัยวะเพศ
6.จากนัั้้นไข่ก็จะหลุดมา พร้อมกับเพศผู้ฉีดน้ำเชื่อ เข้าผสม
7.เมื่อสิ้นสุดการว่างไข่ปลาเพศผู้จะทำหน้าที่ดูเเลไข่ตามลำพัง
8.หลังจากนั้นรีบนำปลาเพศเมียออกจากภาชนะ เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาเพศเมียมากินไข่
9.ปล่อยให้ปลาเพศผู้ดูเเลไข่ได้ 2 วันเเล้วค่อยเเยกออก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น